‘เหมือนดาวส่องแสงอยู่ทั่วฟากฟ้า’ แรงบันดาลใจจากชีวิต ‘องุ่น มาลิก’ ถึงคนทำงานเพื่อสังคม

284 views
7 mins
November 7, 2023

          “ครูจะไม่เขียนชีวประวัติเอาไว้บ้างหรือครับ”

          ไม่มีคำตอบจาก ‘ครูองุ่น มาลิก’ ส่อว่าไม่อยากพูดถึง ไม่นานหลังจากนั้น ในสมุดปกอ่อนที่เธอใช้เขียนงานและบันทึกต่างๆ มีบทกวีที่บ่งบอกถึงความผูกพันกับผืนดินและธรรมชาติรายรอบบ้านบนที่ดินในซอยทองหล่อ…

          “…มองเหมือนดาว ส่องแสงอยู่ ทั่วฟากฟ้า

          นี่หรือคือ อุทยานสวนใจ แห่งแผ่นดินและดวงดาวมอบให้เธอ”


          ผู้หญิงชื่อสกุลแปลกและแสนสะดุดหูคนนี้ เกี่ยวข้องกับผู้คนมากมายหลายรุ่น มีทั้งศิลปิน นักคิด นักการเมือง นักเขียน ปัญญาชน บางคนเคยได้รับความช่วยเหลือโอบอุ้มในยามคับขัน หลายคนในจำนวนนี้ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกว้างขวาง แต่คนทั่วไปน้อยคนนักจะรู้จักครู – องุ่น มาลิก

          หนังสือสาระนิยาย “เหมือนดาวส่องแสงอยู่ทั่วฟากฟ้า” เป็นเรื่องราวประวัติชีวิตของ องุ่น มาลิก ซึ่งมีชีวิตดั่งนิยาย ในวัยแรกสาวจำต้องออกเรือนแต่งงานกับพระยาอายุคราวพ่อ เพื่อพยุงฐานะทางสังคมของตระกูล และทดแทนบุญคุณให้กับพ่อ

          ความเด็ดเดี่ยว แข็งแกร่ง ทันสมัย ฉลาดหลักแหลม ถูกฉายภาพให้เห็นเด่นชัดจากฝีมือการเล่าเรื่องของ ชมัยภร แสงกระจ่าง นักเขียนผู้มีผลงานมากมายทั้งที่เป็นบทกวี เรื่องสั้น นวนิยาย และสารคดี ชมัยภรเรียกผลงานชิ้นนี้ว่าเป็น สาระนิยาย

          ด้วยความจงใจที่จะไล่เรียงประวัติศาสตร์การเมืองคู่ขนานไปกับชีวประวัติขององุ่น บวกกับสำนวนการเขียนเชิงนิยาย เส้นเรื่องของหนังสือทั้งเล่มไม่เพียงทำให้เชื่อมข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์เข้ากับเส้นทางชีวิตของเธอ ยังทำให้ตระหนักถึงความจริงอย่างหนึ่งว่า การเมืองนั้นใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด แม้จะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวโดยตรง แต่การเมืองอาจแว้งมากระทบกับชีวิตใครสักคน(หรือหลายคน)ในสังคมได้ทุกเมื่อ

          สืบเนื่องจากการเป็นคนไม่ค่อยบันทึกเรื่องส่วนตัว ไม่เก็บสะสมสิ่งของส่วนตัวเป็นความทรงจำ ทำให้การปะติดปะต่อเรื่องราวชีวิตของ องุ่น มาลิก เป็นเรื่องหนักหนาสาหัส และหาหลักฐานอ้างอิงได้ยาก ผู้เขียนอาศัยข้อมูลอ้างอิงจากการสัมภาษณ์บุคคลใกล้ชิด และมีเพียงเอกสารชั้นรองเพื่อตรวจสอบ หลักฐานชั้นต้นมีเพียงสมุดบันทึกข้อเขียนความคิดเห็นเกี่ยวกับงาน บทกวีบางชิ้น และจดหมายถึงคนที่เคารพนับถือ แต่หลักฐานที่มีอยู่ไม่มากนั้นกลับมีคุณค่ามหาศาล เนื่องจากบ่งชี้ให้เห็นถึงแก่นความคิดความมุ่งมั่นของผู้หญิงคนนี้


          องุ่น มาลิก จบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เมื่อปี 2481 เพียงปีเดียวหลังจากนั้นก็จำต้องแต่งงานกับพระยาศรีบัญชา แต่ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง รักเกียรติและศักดิ์ศรี ไม่ต้องการถูกมองว่ารักสบาย แต่งงานเพราะต้องการทรัพย์สมบัติคนอื่น เธอตัดสินใจประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ทั้งที่สามีเป็นคนมีฐานะดี นับเป็นผู้หญิงทำงานนอกบ้านรุ่นแรกๆ ซึ่งถือเป็นคำใหม่มากสำหรับสังคมยุคนั้น

          หลังจากพระยาศรีบัญชาถึงแก่กรรม องุ่นก็เป็นอิสระและหมดพันธะสัญญาใดๆ เธอกลับมาอยู่กับพ่อที่บ้านหลังเดิมในซอยทองหล่อ ซึ่งบ้านและที่ดินตรงนี้เองได้กลายเป็นรูปธรรมความทรงจำที่เธอมอบไว้ให้กับสังคมไทย… สวนครูองุ่น มูลนิธิไชยวนา และสถาบันปรีดีพนมยงค์

          องุ่น ทำงานหลายอย่างตามความถนัดและสนใจ นอกจากการเป็นครู ยังเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ทำนิตยสารสำหรับเด็ก เป็นอาจารย์ที่จุฬาฯ ศิลปากร และเชียงใหม่ ครั้งหนึ่งในวัยสาวยังเคยเป็นนางแบบขึ้นปกนิตยสารหลายฉบับ สะท้อนถึงความสวยสะดุดตา บุคลิกที่มีความมั่นใจ และความเป็นตัวของตัวเอง

          ทุกช่วงชีวิต มักมีเหตุเสมือนโชคชะตาให้ได้พบกับผู้คนที่ต่างคนต่างก็ส่งผ่านศรัทธาและแรงบันดาลใจบางอย่างให้แก่กัน ผลักดันเป็นงานแห่งชีวิตและสังคม

          เธอเป็นเพื่อนสนิทกับ นิลวรรณ ปิ่นทอง  บก.สตรีสาร นิตยสารคุณภาพที่ยืนยงมายาวนานหลายทศวรรษ

          ได้พบกับ เทพศิริ สุขโสภา เมื่อครั้งเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร

          สนิทสนมกับ นิธิ เอียวศรีวงศ์ รุ่นน้องอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และเจอกันเมื่อได้มาสอนอยู่ที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

          เล่นละครเวทีให้ คำรณ คุณะดิลก รับบทเป็นชาวนาผู้ทุกข์ระทม ก่อนความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 14 ตุลาคม 2516

          พบเจอ ภาณุ พิทักษ์เผ่า ตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นนักศึกษา น้ำใจจากครูองุ่นนำมาสู่ความสนใจและไฟสร้างสรรค์ในตัวภาณุ ก่อตั้ง ‘กลุ่มสร้างสรรค์ศิลปะเด็ก’ ร่วมกับเพื่อนๆ ทำหุ่นมือจากความรู้ที่ร่ำเรียนไปจากเธอ ตระเวนแสดงละครหุ่น เล่านิทาน สอนวาดรูป ให้เด็กๆ ทั้งในเมืองและชนบทห่างไกล

          ชักชวน ‘หมอเมืองพร้าว’ นายแพทย์อภิเชษฎ์ นาคเลขา มาทำโครงการเวชประชา เปิดคลินิกเวชประชา ให้การรักษาพยาบาลแก่คนยากจน และเปิดอบรมวิชารักษาพยาบาลให้กับนักศึกษาที่เรียนสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ซึ่งจะไปทำงานเป็นครูประชาบาล

          พานพบ สินธุ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย อดีตสมาชิกแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ผู้ซึ่งต่อมากลายมาเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิด ทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัว และคอยดูแลเอาใส่ใจเธอในช่วงปลายชีวิต จนกระทั่งถึงลมหายใจวินาทีสุดท้าย

          และเคยให้ยืมหุ่นเชิดมือกับ ยุทธศักดิ์ จุมพลเสถียร และสมบัติ บุญงามอนงค์ เพื่อเอาไปใช้จัดกิจกรรม เป็นการพบกันเพียงสั้นๆ แต่ว่ากันว่าสร้างความประทับให้สองหนุ่มขณะนั้นไม่น้อย…

          ดูเหมือนว่า งานที่ครูองุ่นภาคภูมิใจมาก น่าจะเป็นการทำหุ่นมือและการแสดงหุ่นมือให้เด็กๆ ชม ความผูกพันกับเด็กนั้นอาจโยงไปถึงเมื่อครั้งยังสาวซึ่งเธอได้เข้าไปช่วย นิลวรรณ ปิ่นทอง ทำนิตยสารสำหรับเด็ก ชื่อ ‘ดรุณสาร’ อยู่ประมาณหนึ่งปี ในตำแหน่งรองบรรณาธิการ และริเริ่ม ‘สโมสรปรียา’ จัดกิจกรรมสนุกๆ โดยเปิดรับสมาชิก เด็กๆ ที่ให้ความสนใจมาเข้าร่วมกิจกรรมบ่อยๆ และต่อมาได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น รัก รักพงษ์, วัฒนะ จูฑะวิภาต, ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล, นรนิติ เศรษฐบุตร, พงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร, ประภัสสร เสวิกุล เป็นต้น

          องุ่น เคยตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องการแสดงหุ่นมือไว้ครั้งหนึ่งว่า

          “หุ่นเชิดมือมันทำให้ชีวิตคนเรา คนอย่างฉันมีคุณค่ามากขึ้น การใช้เวลาทำหุ่นตัวหนึ่ง 4-5 ชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้ว ทำให้เด็กไทยเราได้สนุกสนานแม้เพียงชั่วขณะ ก็ทำให้ชีวิตและเวลามีความหมายมากขึ้น เมื่อเด็กชอบก็เหมือนเป็นพลังกระตุ้นให้กำลังใจสำหรับสร้างหุ่นให้เด็กๆ ดูมากขึ้น ฉันเป็นหนี้บุญคุณหุ่นเชิดมือมากที่ทำให้คนและชีวิตมีความหมายมากขึ้น”

‘เหมือนดาวส่องแสงอยู่ทั่วฟากฟ้า’ แรงบันดาลใจจากชีวิต ‘องุ่น มาลิก’ ถึงคนทำงานเพื่อสังคม
Photo: มูลนิธิไชยวนา – ครูองุ่น มาลิก
‘เหมือนดาวส่องแสงอยู่ทั่วฟากฟ้า’ แรงบันดาลใจจากชีวิต ‘องุ่น มาลิก’ ถึงคนทำงานเพื่อสังคม
องุ่น มาลิก
Photo: มูลนิธิไชยวนา – ครูองุ่น มาลิก

          องุ่น เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ขณะนั้นเธอเป็นอาจารย์ที่เชียงใหม่ ถูกทหารเข้าจับกุมที่บ้านสวนอัญญา ในข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และพาไปคุมขังอยู่ที่ศูนย์การุณยเทพ จังหวัดเชียงใหม่ สูญสิ้นอิสรภาพนานถึง 45 วันจึงถูกปล่อยตัวออกมา

          ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เธอเฝ้ามองครุ่นคิดมาตั้งแต่วัยเยาว์ และดูเหมือนห่างไกลจากชีวิต เขยิบเข้ามาใกล้ตัว จนถึงขั้นกระทบต่อเสรีภาพทางกาย แต่กระนั้นก็ดี ดูเหมือนจิตใจเธอยังแข็งแกร่ง

          ส่วนหนึ่งอาจด้วยความใฝ่ใจในศาสนาพุทธอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคำสอนและวัตรปฏิบัติของพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกขพลาราม ซึ่งเธอเพียรใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและพยายามทำความเข้าใจหลักธรรมให้ลึกซึ้งในระยะ 20 ปีสุดท้ายของชีวิต


          เนื้อหาใน ‘เหมือนดาวส่องแสงอยู่ทั่วฟากฟ้า’ ให้รสชาติการอ่านที่ผสมผสานระหว่างตำราประวัติศาสตร์การเมืองไทย กับเรื่องราวชีวประวัติบุคคล เป็นความจงใจของผู้เขียนที่เคยรังสรรค์งานเขียนเกี่ยวกับประวัติสามัญชนคนสำคัญมาแล้วอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ ‘กุหลาบแห่งแผ่นดิน’ (2548) ว่าด้วยประวัติของกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ ศรีบูรพา ‘สันติปรีดี’ (2555) ว่าด้วยประวัติของปรีดี พนมยงค์ และ ‘ดอกหญ้าเหนือผืนดิน’ (2559) ว่าด้วยประวัติของป๋วย อึ๊งภากรณ์

          ดังที่กล่าวถึงข้างต้นว่าประวัติบางส่วนของครูองุ่นแทบไม่มีใครรู้มากนัก การเรียบเรียงชีวประวัติโดยเทียบเคียงไปตามเส้นเวลาประวัติศาสตร์การเมืองไทย และนำเอาข้อมูลประวัติศาสตร์มาใส่สลับลงไปแบบตรงไปตรงมาเช่นนี้ หากมิใช่ ชมัยภร แสงกระจ่าง คงยากที่จะมีคนเขียนให้มีความเนียนลื่นได้ดีไปกว่านี้ ด้วยความสามารถในการเขียนนวนิยาย ข้อมูลที่มีลักษณะแข็งห้วนถูกลดทอนลงไปได้มากในจังหวะค่อนข้างพอดี อาจมีบางช่วงที่จำเป็นต้องใส่รายละเอียดเชิงข้อมูลค่อนข้างยาว แต่ไม่ได้ทำให้อรรถรสเรื่องราวของครูองุ่นบกพร่องหายไป

          เพราะจะว่าไปแล้ว การเมืองกับครูองุ่นดูเหมือนจะไม่ได้ห่างไกลกัน เธอสนใจความเป็นไปของบ้านเมือง ในมิติความเห็นอกเห็นใจและยืนข้างคนที่เสียเปรียบในสังคม แต่มิได้ปรารถนาเข้าไปข้องเกี่ยวกับการเมือง เว้นเสียแต่การเมืองในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม

          การบริจาคที่ดินให้กับมูลนิธิปรีดีพนมยงค์ เพื่อใช้ก่อสร้างอาคารสถาบันปรีดีฯ มุ่งหวังให้เป็นสถานที่เพื่อสาธารณประโยชน์อย่างแท้จริง เธอได้ย้ำอย่างหนักแน่นว่ามิให้นำแนวทางทางทุนนิยมหรือวิธีคิดแบบธุรกิจการค้ามาเป็นหลักในการดำเนินการ เหตุดังนี้ก็ด้วยศรัทธาแรงกล้าถึงคุณูปการของ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ที่มีต่อประเทศชาติ นับเป็นสิ่งยืนยันถึงจุดยืนเรื่องการเมืองและสังคมของครูองุ่นได้เป็นอย่างดี

          ประวัติชีวิตขององุ่น มาลิก แสดงให้เห็นถึงแนวความคิดเรื่องหนึ่งที่เด่นชัด คือการสร้างพื้นที่กิจกรรมการเรียนรู้สร้างสรรค์ สำหรับเด็ก เยาวชน และผู้ขาดโอกาส การมีพื้นที่สาธารณะและกิจกรรมสร้างสรรค์คือปัจจัยเสริมสร้างคนให้มีคุณภาพ เป็นองค์ประกอบที่สังคมไทยยังขาดแคลน ครูองุ่นคงสังเกตเห็นและทดลองสร้างพื้นที่เพื่อการเรียนรู้คู่ความสนุก ด้วยสายตามองการณ์ไกล

‘เหมือนดาวส่องแสงอยู่ทั่วฟากฟ้า’ แรงบันดาลใจจากชีวิต ‘องุ่น มาลิก’ ถึงคนทำงานเพื่อสังคม
กิจกรรม Handprint on Christmas Tree จัดขึ้นที่สวนครูองุ่น
Photo: สวนครูองุ่น – Angoon Garden
‘เหมือนดาวส่องแสงอยู่ทั่วฟากฟ้า’ แรงบันดาลใจจากชีวิต ‘องุ่น มาลิก’ ถึงคนทำงานเพื่อสังคม
อาคารสถาบันปรีดี พนมยงค์
Photo: สถาบันปรีดี พนมยงค์

          บันทึกและจดหมายของครูองุ่นที่นำมาเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาหนังสือ ยังแสดงให้เห็นถึงความละเอียด ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์และสรุปบทเรียนการทำงาน มีกระบวนการคิดย้อนกลับมาตรวจสอบทบทวนการทำงานกับจุดประสงค์ของการดำเนินงานอยู่เสมอ

          กิจกรรมโครงการที่ลงมือทำไปแล้วจะถูกวิเคราะห์จุดอ่อนอย่างตรงไปตรงมา และเสนอแนะหรือวางแนวทางเดินต่อไปให้ถูกต้อง หรือมิฉะนั้นก็ตัดสินใจยกเลิกเมื่อพบข้อบกพร่องที่ยากจะแก้ไขหรือประเมินผลแล้วว่าก่อให้เกิดประโยชน์น้อย โดยมิได้ยึดติดกับเนื้องานนั้นเพียงข้ออ้างว่าดำเนินการเพื่อสังคม แล้วดึงดันทำกิจกรรมนั้นต่อไปโดยไม่มีการทบทวน ปรับปรุงแก้ไข


          “เธอต้องไม่ท้อถอยนะ ถ้าทำความดีมันง่าย เขาก็พากันทำแล้วสิ”

          ประโยคที่ครูองุ่นเน้นบอกกับลูกศิษย์เสมอ ไม่ว่าทางจดหมายหรือยามเจอกัน…

           “…ความยิ่งใหญ่ ในคุณงาม ความดีนั้น

          ไม่มีวัน เลือนลับ ดับสูญหาย

          จงเร่งสร้าง ก่อนสิ้น ชีวาวาย

          ประทับรอย ไว้บนทราย แห่งเวลา”

RELATED POST

แหล่งชุมนุมความคิดเรื่องพื้นที่สาธารณะเพื่อการเรียนรู้
และห้องสมุดกับการเปลี่ยนแปลงสังคม

                                                                                            

The KOMMON มีการใช้คุกกี้ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก